Thaiteenline-logo
home about law teens article hotline contact
 
     
 

ตอนที่ 10 ส่งความสุขปีใหม่อย่างไรค่ะ

ตอนที่  10

ส่งความสุขปีใหม่อย่างไรค่ะ

               

                              ปีใหม่ได้เวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ขอส่งความสุขแด่น้องๆ ที่น่ารักทุกคน พี่ฮอทไลน์อยากเห็นน้องๆ  ทุกคนยิ้มกัน ขอให้สดชื่นมากๆ สมหวังตลอดปีนะคะ (ตามธรรมเนียมของการอวยพรปีใหม่) วันนี้เรามา พูดคุยกับน้องๆ  ในเรื่องเกี่ยวกับวันปีใหม่ เทศกาลปีใหม่ ซึ่งก็จะมีเรื่องใหม่ๆ เรื่องเก่าๆ ก็เก็บไว้ในความทรงจำ ถ้ารู้สึกว่าเก็บคนเดียวไม่ไหว มาฝากไว้ที่ศูนย์ฮอทไลน์ก็ได้นะคะ เขียนจดหมายมาฝากกับพี่ฮอทไลน์เอง หรือไม่ก็โทรฯมาที่ศูนย์ฯบอกฝากด้วยตัวเองก็ดีนะคะ เอ…แต่พี่ไม่รับเฉพาะเรื่องเก่าหรอก เรื่อง่ใหม่ๆ สนุกสนานชื่นบานของน้องๆ พี่ฮอทไลน์ขอรับฟังด้วยค่ะ เรามาแบ่งความสุขกันเถอะ 

ไม่กี่วันมานี่พี่ฮอทไลน์ได้คุยกับน้องๆ หลายต่อหลายคนทีเดียว เกี่ยวกับเรื่องวันปีใหม่พี่เลยเขียนมาเล่าให้น้องๆ ฟังเพื่อจะเป็นแนวความคิดให้น้องอีกหลายคนได้ วันนั้นที่พี่จับเข่าคุยกับน้องๆ 3-4 คน มีน้องอ้อม น้องไก่ น้องโจ๊ก และน้องปุ๊ย เราคุยกันเรื่องปีใหม่นี่แหละค่ะ พี่ถามว่าปีใหม่น้องๆ ทำอะไรกันบ้าง แหม น้องๆ แย่งกันตอบจนพี่หูชาไปหมด คนนั้นบอกไปเที่ยวกับพ่อแม่บ้าง… ไปเลี้ยงสังสรรค์บ้าง ไปเที่ยวกับแฟนบ้าง อยู่บ้านบ้าง ส่งการ์ด ส.ค.ส. และอื่นๆ อีกมากมาย (ของวงเฉลียงนะค่ะ) แต่ไม่มีใครนึกถึงเลยว่า ควรจะไปใส่บาตรตอนเช้า ทีนี้แต่ละคนก็บางอ้อกันใหญ่ บอกว่าตื่นสายบ้างล่ะ ขี้เกียจบ้างล่ะคุณแม่เป็นคนใส่ให้แล้วบ้างล่ะ น้องๆ ที่อ่านอยู่ล่ะคะใส่บาตรกันหรือเปล่า  ส่วนพี่ใส่นะคะ แต่ส่วนมากจะเป็นวันสิ้นปี วันที่ 31 ธันวาคมไง เพราะวันขึ้นปีใหม่มีผู้คนมาใส่บาตรกันเยอะ พี่เกรงว่าพระจะฉันไม่หมด แหม. พูดเล่นนะคะคือวันขึ้นปีใหม่คนมากมายเชียวที่ตื่นแต่เช้าใส่บาตรกัน พี่ไปเบียดกับเขาไม่ไหวเลยขอตัวใส่วันสิ้นปีเก่าก็คงเหมือนกัน พอใส่บาตรเสร็จก็ไปฟังพระท่านให้ศีลให้พรปีใหม่ คราวนี้น้องๆ คิดว่าพี่คงจะแก่น่าดูเลยเข้าวัดเข้าวากับเขาแล้ว แต่สมัยนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นคนแก่เท่านั้นที่ไปเข้าวัดน้องๆ ที่เป็นเด็กๆ วัยรุ่นหรือ บ้างก็เลยแล้วก็เข้าวัดได้ค่ะ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งก็ยังดีเพราะเราอยู่เมืองไทยนับถือศาสนาพุทธ ทำตามขนบธรรมเนียมของเราสักอย่างก็คงจะดี แต่ถ้าไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะคะ ใส่บาตรก็เป็นสิ่งที่ดีงามเช่นกันเอาละ พอตื่นเช้าใส่บาตร ก็รู้สึกสดชื่น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ สดชื่นไหมคะ เอ ต้องตอนเช้านะคะ ตอนสายอากาศในกรุงเทพฯ นี่แออัด คงจะสำลักควันรถยนต์เสียมากกว่าจะได้อากาศบริสุทธิ์ ฉะนั้นน้องๆ ต้องตื่นแต่เช้าตรู่จึงจะดี

 ในเทศกาลปีใหม่ หลายคนต้องส่งของขวัญปีใหม่ให้คุณพ่อคุณแม่ น้องโจ๊กบอกว่า “ไม่เคยเลยครับ เพียงแต่สวัสดีปีใหม่เท่านั้น เพราะคุณพ่อคุณแม่บอกว่าไม่จำเป็น”

 

ฮอทไลน์                 “ใช่แล้วค่ะ ถ้าเรายังเด็กอยู่ อีกอย่างยังไม่ทำงาน ไม่มีสตางค์กับเขา ก็เพียงแค่กราบคุณพ่อคุณแม่งามๆ บอกสวัสดีปีใหม่…ขอให้ท่านให้ศีลให้พรก็พอเพียงแล้วค่ะ ไม่เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่นะคะ ญาติผู้ใหญ่ทุกคนน้องๆ  ก็ควรจะทำเช่นนั้นด้วย บางคนอาจจะอยากให้ของขวัญคุณพ่อคุณแม่ ก็อาจจะเรี่ยไรกันในหมู่พี่น้องไม่ต้องซื้อของแพงหรอก ซื้อพวงมาลัยร้อยดอกมะลิงามๆ หนึ่ง พวงกราบท่านก็พอแล้ว น้องบางคนอาจจะคิดว่าไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องอย่างนี้เลย แต่วันนี้เป็นประเพณีคนโบราณนะคะ สมัยนี้หลายครอบครัวยังคงประพฤติกันอยู่ อย่าทำเป็นหัวเราะอยู่ในใจเชียว…"


 อ้อม                         “อ้อมเคยส่งการ์ดไปให้เพื่อนหรือบางทีก็ซื้อของขวัญชิ้นใหญ่ให้เพื่อน เต่เขาไม่ส่งกลับมาให้เราบ้างเลยค่ะ พี่ว่าเขาเสียมารยาทไหมคะ ปีนี้นะไม่แน่อ้อมไม่ส่งไปเลยด้วย!”  

 อ้อมบ่นให้พี่ฟังกระปอดกระแปด แต่พี่อธิบายว่าการที่เราส่งของขวัญ หรือ ส.ค.ส.เป็นสิ่งที่เราอยากให้เขารู้สึกสุขใจและพอใจ เลยอยากให้อะไรเป็นพิเศษ แต่พอเขาไม่ส่งกลับมา เราก็โมโห น้อยใจ แสดงว่าน้องยังไม่เข้าใจว่า ส.ค.ส.ดี ส.ค.ส.คือการส่งความสุข ส่งความสุขให้กับผู้อื่นโดยไม่หวังอะไรตอบแทน นั่นละจะทำให้เราสบายใจมากที่สุด เป็นการให้ความสุขแก่ผู้อื่นและให้ความสุขแก่ตนเองด้วย จริงอยู่การส่งของขวัญหรือ ส.ค.ส.กลับคืนมันเป็นเป็นมารยาทที่ดียิ่ง แต่เราจะไปกะเกณฑ์ให้เขาทำไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าเราพอใจก็ส่งให้เขาไม่พอใจก็ไม่ต้องส่ง เพื่อความสบายใจของเราไงคะ จะได้ทำให้ปีใหม่นี้มีความสุขไปตลอดปีเลยค่ะ อย่างพี่เอง เคยมีเพื่อนตอนสมัยเรียนประถมที่รักมาก ส่ง ส.ค.ส.ไปให้เขาทุกปี ตั้งแต่แยกย้ายจากกันที่โรงเรียน เขียนจดหมายไปหาเขาบ่อยด้วย แต่ก็ไม่เคยได้รับตอบ จนพี่คิดว่าเขาย้ายบ้านเสียแล้ว แต่อยู่มาปีหนึ่งเขาส่งตอบกลับมา แหม รู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูกเชียวค่ะ น้องๆ อย่าเพิ่งไปโกรธเพื่อนที่ไม่ได้ส่งกลับคืน เขาอาจมีเหตุผลก็เป็นได้ เราส่งความสุขให้เขาเพื่อความสบายใจของเรา และความเป็นมิตรที่ยังคงอยู่ก็เพียงพอแล้วค่ะ 

นอกจากจะส่ง ส.ค.ส.แล้วยังมีการเลี้ยงฉลองต่างๆในเทศกาลปีใหม่ บ้างก็ไปเที่ยวดิสโก้เธค บ้างก็ไปชายทะเลเที่ยวต่างจังหวัดเสียสนุกสนาน…

 

ไก่                           "ของไก่ไปงานเลี้ยงฉลองบ้านเพื่อนค่ะ ไปซื้อเค็กมา สั่งจองเขานะคะ เราช่วยกันซื้อกับข้าวทำกินกันเองสนุกสนาน มีการแข่งกันระหว่างกุ๊กผู้หญิงและกุ๊กผู้ชายด้วยค่ะ แหม. แต่พอตอนล้างชามซิค่ะ เนื้อย…เหนื่อย”

 

ฮอทไลน์                 “ใช่ค่ะ…พี่ก็เบื่อตอนเก็บกวาดล้างชามเหมือนกัน ตอนกินกันก็สนุกสนาน ทำเลอะเทอะไปหมดแต่พอจะเก็บละก็แทบอยากจะหนีกลับบ้านเลย แต่ถ้าเราทำกันอยากสนุกสนานก็คงจะดีนะคะ เพราะเราช่วยกัน ทำคนละนิดคนละหน่อยงานจะได้เสร็จเร็ว และไม่เบื่อด้วย แต่ถ้าบางคนไม่อยากทำอาหารกินเองเพราะทนฝีมือตนเองไม่ไหว หรืออยากสบายก็มีหลายคนไปจัดเลี้ยงตามห้องอาหาร ซึ่งก็สนุกไปอีกแบบ น้องคนไหนจะทำอะไรก็ควรตระเตรียมเสียแต่เนิ่นๆ ดีกว่านะคะ”

 

ไก่                           “แต่หลายปีนี้ไม่ได้ไปฉลองกันเลยค่ะ”

ฮอทไลน์                “อ้าว ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะคะ ?”  พี่ฮอทไลน์มองหน้าน้องไก่งงๆ “ก็เพราะว่าพวกเธอน่ะต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบกลางเทอม ตอนหลังปีใหม่ครับ แต่ผมนะ สบายหน่อยก็สอบก่อนปีใหม่ ปีใหม่ก็สนุกไปเลย”

 

พอน้องพูดขึ้นมา พี่ก็หวนนึกถึงตอนสมัยเป็นเด็กมัธยม ก็เหมือนน้องๆนี่แหละ ปีใหม่คนอื่นไปเที่ยวกัน แต่พี่ต้องมานั่งอ่านหนังสือ    รู้สึกหงุดหงิดไปหมด ไปเที่ยวก็ไม่ได้ พะว้าพะวงตลอดเวลา พี่ว่าเป็นเหตุการณ์ที่โหดร้ายพอดู แต่ถ้าเราตั้งใจจริงเสียอย่าง การเลี้ยงฉลองไม่จำเป็นต้องเป็นปีใหม่เลย หลังปีใหม่สอบเสร็จก็ได้ หรือไม่ก็ก่อนปีใหม่ก็เลี้ยงก่อน พอปีใหม่จะได้มีใจอ่านหนังสือ บางทีพี่ฉลองปีใหม่พร้อมกับวันเด็กเลยก็มีค่ะ ทำแบบนี้เราก็มีใจอ่านหนังสือ และได้สนุกกับปีใหม่ด้วย ไม่เสียหายทั้งสองอย่างเลยค่ะ พวกเราคุยกันเรื่องเลี้ยงฉลองต่างๆ ออกความคิดเห็นต่างๆ กันเซ็งแซ่ จนลืมสังเกตไปว่าน้องปุ๊ยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาให้ฟังเลย พี่เลยหันมาซักถามน้องปุ๊ยแทน

 

ปุ๊ย                           “ผมไม่ค่อยได้ไปไหนหรอกครับ ไม่มีเงินพอ ไม่กล้าขอแม่ครับ”

 

ถามไปถามมาการ์ด ส.ค.ส.น้องปุ๊ยก็ไม่ได้ส่ง งานเลี้ยงฉลองที่ไหนๆ ก็ปฏิเสธเสียส่วนใหญ่ เพราะเกรงจะรบกวนคุณแม่ นอกจากนี้ปีใหม่ น้องปุ๊ยยังต้องอยู่บ้านช่วยคุณแม่ขายของอีกด้วย น้องๆ หลายต่อหลายคนคงจะเป็นแบบน้องปุ๊ย ซึ่งพี่ว่าเป็นเด็กดีทีเดียวนะคะ รู้จักช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ รู้จักใช้เงินถ้าเราไม่อยากรบกวนคุณแม่ ก่อนปีใหม่สักหนึ่งเดือน ก็ต้องประหยัดหน่อย เงินค่าขนมก็อดออมเอาไว้ เก็บไว้ใช้จ่ายตอนปีใหม่ซื้อของที่เราอยากจะซื้อ ซื้อให้ตัวเองก็ดีนะคะ เป็นการให้ของขวัญตัวเอง หรือไม่ก็ไปฉลองกับเพื่อน โดยขอคุณแม่สักหนึ่งวัน และวันต่อมาก็ช่วยทำงานชดเชยวันที่ไปเที่ยวเป็นการเองใจคุณอย่างหนึ่งค่ะ แต่ถ้าทำไม่ได้จริงๆ วันปีใหม่ก็นั่งดูโทรทัศน์ซึ่งเช้าของวันปีใหม่มักจะมีรายการที่น่าสนใจจนบางครั้งพี่ไม่ไปไหนเลย นั่งเฝ้าโทรทัศน์ในวันปีใหม่นั่นแหละค่ะ ในการส่งการ์ดอวยพรก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่มีสตางค์จะจับจ่าย ก็อย่าฝืนตัวเองจนต้องอดมื้อกลางวันไปหลายวัน เพื่อซื้อของมาแจกจ่ายกลัยน้อยหน้าเพื่อน พอหลังจากนั้นต้องมานั่งทรมานสังขารตัวเอง บ้างก็หิว ทำอะไรดูหงุดหงิดงุ่นง่านไปหมด ถ้าไม่มีก็บอกเพียงสวัสดีปีใหม่แก่เพื่อนคนนั้นก็เพียงพอแล้ว แต่บางคนมีสตางค์อยู่น้อยนิด แล้วอยากจะซื้อของขวัญให้เพื่อนหลายๆคน (คือมากมายนะคะ) ก็หุ้นกับเพื่อนสนิทด้วยกัน บอกว่าเราจะไปซื้อของมาแล้วแจกจ่ายให้ทั่วไปหมดตามความปรารถนา และใช้เงินน้อยด้วยค่ะ อย่างมีอยู่ปีหนึ่งพี่กับเพื่อนๆ ก็ตกลงกันว่าปีนี้เราถังแตก จะซื้อของก็เฮโลไปสำเพ็ง (เยาวราชค่ะ) ไปซื้อของขายส่ง ซื้อกันยกโหลเลย เดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้จนเวียนหัวไปหมด เลือกไม่ถูกเชียวค่ะ น้องๆ ลองไปเดินดูนะคะ เผื่อจะได้ของมากมาย (เป็นโหล) ติดมือกลับมาบ้าง ปีนั้นนะคะพี่ก็ประหยัดไปได้มากทีเดียว ส่งของขวัญให้เพื่อนๆ ในห้องเรียนเดินแจกเป็นของชำร่วยเลยค่ะ เข้าหุ้นกันสองคน ก็ล้อกันแซวว่า   'เดินแจกของชำร่วยวันแต่งงาน' อะไรทำนองนี้ค่ะ ก็เฮฮากันไปอีกแบบ

 

น้องๆ บางคนมีหัวทางด้านศิลปะ ก็ประดิดประดอยกันขึ้นมาเอง ทำตุ๊กตาบ้าง ทำการ์ดเองบ้าง พี่เคยลองทำโดยเอากระดาษไขมาวาดรูปน่ารักต่างๆ แล้วทำใส่ซองพลาสติก แบบอัดพลาสติกนะคะก็ไล่แจกไปทั่ว บางคนเอาลวดสายไฟมาขดเป็นตัวหนังสือบ้าง แว่นตาบ้าง เสื้อบ้างแล้วแต่ความถนัด มีเพื่อนคนหนึ่งเอาผ้ากับลูกปิงปองมาทำเป็นตุ๊กตาไล่ฝน ใครเลยดูเณรน้อยเจาปัญญา ก็คงจะคิดออก วาดหน้าตาต่างๆ ฟันหลอก็มี ตาเหล่ก็มี วาดไปล้อเพื่อน ซึ่งพี่คิดว่าวัยรุ่นทั้งหลายคงชอบทำของทะเล้นๆ แจกเพื่อนมากกว่าที่จะทำของหวานจ๋อยอ๋อยฝากไป บางคนทำหวานมากไป โดนเพื่อนๆ แซวอีกต่างหาก น้องๆ หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้คงจะอยากทำบ้าง แต่ไม่รู้จะไปซื้อเครื่องไม้เครื่องมือที่ไหนดี พี่แนะนำให้ไปแถวพาหุรัด แต่ต้องเดินเข้าออกหลายร้ายกว่าจะครบ ถาอยากสะดวกก็ไปที่ตั้งฮั่วเส็ง บางลำพู ก็มีขายทุกอย่างเลยนะคะ ลองไปถามดู (ต้องไปขอสปอนเซอร์เสียหน่อย เผื่อได้ค่าโฆษณา) ผู้หญิงที่เจาะรูหู มีต่างหูมากมาย บางคนทำขาต่างหูหายไป ก็ไปซื้อที่นั่นได้ ถ้าซื้อข้างเดียวอาจจะได้ฟรีนะคะ (ต้องจีบคนขายหน่อย) ส่วนน้องคนไหนอยากทำแต่ไม่รู้จะทำอะไร คิดไม่ออก ก็ไปหาหนังสือนิตยสารเก่าๆ มาดูเกี่ยวกับงานประดิษฐ์หรือพอมีสตางค์หน่อยก็ไปซื้อหนังสือประดิษฐ์ต่างๆ ตามร้านหนังสือมาลองทำก็ดูดีค่ะ แต่ก่อนนี้สักพักหนึ่งทางทีวี ช่อง 11 เคยฉายให้ดูสิ่งประดิษฐ์และวิธีการทำจากของเหลือใช้ในบ้านให้ชม พี่ชอบรายการนี้นั่งดูเกือบทุกครั้งที่มี ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังมีหรือไม่ (ไม่ได้ดูทีวีนานแล้ว น่าเห็นใจนะคะ) การประดิดประดอยต่างๆ เหล่านี้ พี่คิดว่า คงมีแต่น้องผู้หญิงที่เป็นแน่เลย น้องผู้ชายคงไม่ละเอียดเท่าผู้หญิงหรอกนะคะ (เพราะพี่เป็นผู้หญิงย่อมเข้าข้างฝ่ายเดียวกัน) แต่ถ้ามีน้องผู้ชายคนไหนทำได้ดีและชอบทำล่ะก็ลองเขียนมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ เผื่อพี่จะเปลี่ยนทัศนคติบ้าง

นอกจากที่เล่ามาแล้ว เรายังคุยกันเรื่องต่างๆ อีกมากมาย ทั้งเข้าเรื่องปีใหม่ และออกนอกเรื่องไปมากก็มีแต่ต้นเรื่องก็อยู่ที่เทศกาลปีใหม่นี่เอง เป็นเทศกาลที่ทุกคนมีความสุข และที่สำคัญที่สุดต้องเป็นคนดี เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ ครูบาอาจารย์ ปีใหม่แล้วต้องทำตัวเป็นคนใหม่ที่ดีนะคะ เพื่อจะได้เป็นที่รักของทุกๆคน รวมทั้งพี่ฮอทไลน์ด้วยค่ะ

 

 

 
 
  Counter 203,788
 
 
© 2012 Thaiteenline. All Rights Reserved. หน้าหลัก | ความเป็นมา | กฎหมายเด็กและครอบครัว | วัยรุ่นอยากรู้ | บทความวัยรุ่น | ฮอทไลน์เคลื่อนที่ | ติดต่อเรา